เสาหลักนำทางยางพารา อธิบดีกรมทางหลวง แจงกรณีติดตั้ง เสาหลักนำทาง ปลอดภัยผู้ใช้ทาง ช่วยชาวสวนยาง ในช่วงราคายางตกต่ำ ยันโปร่งใส ตามระเบียบ กฎหมาย กรมทางหลวง ชี้แจง กรณี หลักนำทางยางพารา ที่ติดตั้งบนทางหลวง จังหวัดน่าน ตามที่มีข่าวปรากฎในโซเชียลขณะนี้ กรณีที่มีการแชร์ภาพ เสานำทาง หรือเสาหลักลาย ริมทางข้าง โพสต์ลงในกลุ่ม “เล่าขวัญเมืองน่าน” โดยระบุข้อความว่า “ขอโทษครับ เช้านี้ขับรถไปทำงาน พอดีปวดฉี่เลยจอดแวะข้างทาง สงสัยผมจะฉี่แรงไปหน่อย หลักลายเลยแตก เลยทำให้ทราบว่า ข้างในมันเป็นแบบนี้นี่เอง “
ภายหลังเป็นกระแสวิจารณ์พร้อมตั้งคำถามถึงคุณภาพการติดตั้งและราคา
ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ค.65) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นทั้งหมด ยืนยัน หลักนำทางยางธรรมชาติที่ผลิต ได้ทำการออกแบบ ตามมาตรฐานตามข้อกำหนด โดยคณะกรรมการร่วมหลายฝ่าย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้ทาง และประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกรชาวสวนยาง ในภาวะที่ราคายางตกต่ำช่วงปีที่ผ่านมา
โดยสืบเนื่องจากในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – 2564 กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ได้มีการนำยางพารามาใช้ในอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยตามนโยบายรัฐบาล ที่ส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศ โดยใช้ เสาหลักนําทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) เพื่อสนับสนุนการใช้ยางพารา โดยบูรณาการความร่วมมือทำข้อตกลง (MOU) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563
สำหรับการจัดซื้ออจัดจ้าง เสาหลักกิโลยางพารา “แขวงทางหลวง” เป็นผู้ดำเนินการซื้อโดยตรงจากสหกรณ์ชาวสวนยาง และนำมาติดตั้ง เมื่อเดือน ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ส่วนที่โพสต์ในโซเชียลมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับวัสดุเนื้อในของ หลักนำทางดังกล่าว
กรมทางหลวง ระบุ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดตั้ง และสามารถติดตั้งได้รวดเร็วขึ้น โดยคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาผลิตหลักนำทางยางธรรมชาตินั้น ตามแบบด้านในให้เป็นเสาหลักกลวง มีความยืดหยุ่น ดังนั้นในการติดตั้งบนทางหลวง จึงได้มีการประยุกต์ใส่แกนลงในเสา เช่น ไม้ไผ่ ไม้ยูคา
ทั้งนี้ การดำเนินการติดตั้งเสาหลักนำทางยางพาราบนทางหลวง กรมทางหลวง ระบุ เป็นไปตามหลักวิศวกรรมงานทาง เพื่อความปลอดภัยกับผู้ใช้ทาง และเป็นการช่วยเหลือเกษตรชาวสวนยาง ในช่วงที่ราคายางตกต่ำ และขอยืนยันว่า เป็นการดำเนินการด้วยความโปร่งใส ตามระเบียบ กฏหมายที่เกี่ยวข้อง ทุกประการ
โทษถึงประหารชีวิต! หนุ่มเสพยาควงขวานบุกสนามบินสุวรรณภูมิ เข้าเขตการบิน
ข่าว สนามบินสุวรรณภูมิ ชี้แจง ล่าสุด เหตุชายขี่จักรยานยนต์ บุกรุกเข้าเขตการบิน ถูกจับกุมข้อหาบุกรุก ใช้อาวุธกระทำการอันอาจเป็นอันตรายต่อท่าอากาศยาน โทษสูงสุดประหารชีวิต
อัปเดตข่าวล่าสุด กรณีเหตุสะเทือนขวัญ ชายขี่รถมอเตอร์ไซค์บุกเข้าไปในเขตพื้นที่การบินใช้ขวานไล่ฟันเจ้าหน้าที่นั้น วันนี้ 3 พฤษภาคม กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.50 น. ได้เกิดเหตุมีบุคคลภายนอกขับขี่รถจักรยานยนต์ พกอาวุธ ฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัย บุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน โดยเมื่อได้รับแจ้งเหตุ ศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตลอดเหตุการณ์ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับรถยนต์สายตรวจเข้าตามสกัดจับผู้บุกรุก แต่เนื่องจากผู้บุกรุกมีอาวุธ ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังในการควบคุม โดยสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเวลา 12.03 น. และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อนที่ผู้บุกรุกจะพยายามหนีเข้าไปในสะพานเทียบอากาศยาน ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุเป็นชายไทย อายุ 34 ปี ขณะจับกุมบุคคลดังกล่าวยังมีอาการมึนเมาจากการเสพยาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น และของมีคม (ขวานเหล็ก, กรรไกร) พร้อมด้วยยาบ้า 1 เม็ด
กิตติพงศ์กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อการให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. ได้ปฏิบัติหน้าที่เข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงทีและเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และได้รับการรักษาพยาบาลเบื้องต้น
ขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุนอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยานแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานบุกรุก ซึ่งมีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยานจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้มีทรัพย์สินส่วนหนึ่งของ ทสภ. ได้รับความเสียหาย โดยตรวจพบประตูกระจกตรงช่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบินแตกเสียหายจำนวน 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ใช้อาวุธทุบประตูกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคาร แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดจับได้เสียก่อน
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป